ผู้เขียน: designdee

► “Ching Chair” เก้าอี้ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ความสวยงามของไม้ไผ่แบบธรรมชาติ

•เพื่อเน้นความสวยงามและเอกลักษณ์ของวัสดุ และคุณภาพของงานคราฟท์ ด้วยการพัฒนาดีไซน์ใหม่ “Ching Chair”

•ในไต้หวันผู้คนตระหนักว่าไผ่เป็นวัสดุที่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน มันสามารถนำมาทำเครื่องมือ เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้างได้

•เก้าอี้ไม้ไผ่นี้โปรเจคเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นความสำคัญของความสวยงามของวัตถุดิบ และเน้นความยืดหยุ่นของไป่ในการใช้ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์

•ในการคงเอกลักษณ์และ Texture ของโครงสร้าง ไม้ไผ่ถูกเข้ากระบวนการเพื่อคงลักษณะของพื้นผิวไว้ เห็นได้จากสีเขียวของไผ่ ที่จะไม่จางหายไป นอกจากนั้นทั้งตัวเก้าอี้ จะถูกสร้างจากปล้องไผ่ 1 ต้น ที่ถูกแบ่งเป็นสามส่วน และเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน

ที่มา https://www.facebook.com/environman.th

► นิวซีแลนด์เล็งใช้เสาไฟไร้สาย ระบบจ่ายไฟแห่งโลกอนาคต

Powerco จากนิวซีแลนด์กำลังเริ่มใช้เทคโนโลยีจากบริษัทสตาร์ทอัปชื่อเอมรอด (Emrod) ตั้งเป้าทดสอบการจ่ายพลังงานแห่งอนาคต ที่ไม่มีเสาไฟอีกต่อไป

ปัจจุบัน เทคโนโลยีไฟฟ้าไร้สาย กลายเป็นหมุดหมายสำหรับการส่งจ่ายพลังงานในระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานแห่งอนาคต ในโครงการนำร่องของพาวเวอร์โค (Powerco) บริษัทผู้ให้บริการไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของนิวซีแลนด์ พาวเวอร์โคกำลังเริ่มใช้เทคโนโลยีจากบริษัทสตาร์ตอัปชื่อเอมรอด (Emrod) ตั้งเป้าทดสอบการจ่ายพลังงานโดยไม่มีเสาไฟและสายไฟระโยงระยาง และอนาคตของระบบพลังงานในนิวซีแลนด์อาจกลายเป็นภาพในฝันของนักวิทยาศาสตร์ในอดีต นามว่า นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)

ย้อนไปในอดีต ช่วงทศวรรษที่ 1890 นิโคลา เทสลา นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ผู้ประดิษฐ์ Tesla Coil และผู้พัฒนาไฟฟ้ากระแสสลับ ได้ทดลองการส่งกระแสไฟฟ้าแบบไร้สายขึ้นที่สหรัฐอเมริกา แต่ผลการทดลองไม่เป็นไปตามที่คาด โดยเขาไม่สามารถควบคุมลำแสงไฟฟ้าในระยะทางไกลได้ ในทางกลับกัน ต้นปีนี้ เอมรอดเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าทดลองที่ปล่อยกระแสไฟแบบไร้สาย ไม่ต้องปักเสา ไม่มีสายไฟ ซึ่งเท่ากับว่าไม่ต้องใช้สายทองแดงอีกต่อไป

วิธีการของเอมรอดคือ พวกเขาเลือกส่งผ่านพลังงานแบบไร้สาย โดยการสร้างลำแสงกระแสไฟฟ้าอัดแน่น จากคลื่นวิทยุที่ใกล้เคียงกับความถี่ของ Wi-Fi และบลูทูธ รวมถึงไมโครเวฟ ซึ่งพวกเขาจะใช้อุปกรณ์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบพิเศษที่ติดตั้งอยู่บนเสาแนวนอน ที่ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณไฟฟ้า พร้อม ๆ กับที่พื้นผิวของเสาบริเวณส่วนกว้างจะเป็นตัวจับสัญญาณคลื่นไฟฟ้าทั้งหมดไว้  

โดยเคล็ดลับการทำให้ลำแสงไฟฟ้าอัดแน่น คือการเลือกใช้เสาอากาศแบบปรับแก้ไขสัญญาณที่รู้จักกันในชื่อ เรคเทนนา (Rectenna) ที่สามารถส่งผ่านคลื่นไฟฟ้าไมโครเวฟ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ นับว่าเป็นระบบที่เหมาะกับภูมิประเทศหุบเขาสลับซับซ้อนของนิวซีแลนด์อย่างมาก

ปัจจุบันเอมรอดกำลังทดลองใช้ระบบส่งผ่านพลังงานไร้สายรุ่นต้นแบบในพื้นที่ขนาด 130 ฟุต โดยเสาอากาศโดยทั่วไปที่มีหน้าที่รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเป็นประเภท Antenna เช่น เสารับคลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ หรือสัญญาณไวไฟ จากนั้นจะส่งความถี่ที่ได้รับไปสู่อุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งจะแปลงสัญญาณให้เป็นแสง สี เสียงต่อไป แต่ตัวจ่ายไฟฟ้าไร้สายต้นแบบของ Emrod ส่งไฟฟ้าผ่าน Rectifying Antenna (Rectenna) เสาอากาศเปลี่ยนพลังงาน ซึ่งจะรับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง  ส่งพลังงานด้วยวัตถุส่งสัญญาณวิทยุขนาดเล็กที่ใช้รูปแบบสัญญาณคลื่นเดี่ยว จากนั้นคลื่นลำแสงสัญญาณจะแพร่ออกไปในแนวขนาน และจะไม่แพร่กระจายออกนอกพื้นที่ 

เอมรอดยังใช้การออกแบบวัสดุที่เรียกว่า เมตาแมทีเรียล (Metamaterial) ที่จับคลื่นวิทยุได้อย่างมีประสิทธิภาพเข้ามาช่วยในการส่งพลังงาน และเสาอากาศจะส่งพลังงานผ่านจุดรีเลย์ไปยังเรคเทนนาต้นอื่น ๆ สำหรับระบบความปลอดภัย เอมรอดใช้ระบบเลเซอร์ขนาดเล็ก เพื่อตรวจจับสิ่งกีดขวางระหว่างรีเลย์และเรคเทนนา จึงกล่าวได้ว่า ระบบนี้ไม่แพร่กระจายรังสีภายนอก และไม่มีสัตว์ใด ๆ จะได้รับอันตรายจากการส่งพลังงานรูปแบบนี้

เอมรอดกล่าวว่า เสาพลังงานไร้สายของเอมรอด ทำหน้าที่เป็นเสาตัวกลางเหมือนกับสายเคเบิล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภูมิประเทศภูเขาสลับซับซ้อน เนื่องจากในชนบทของนิวซีแลนด์ มักจะไม่มีสายพลังงานไฟฟ้าปกติเข้าถึงได้ และการพัฒนาโครงการนี้ยังจะสร้างผลดีด้านสิ่งแวดล้อม เพราะพื้นที่หลายแห่งที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็ต้องใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลเป็นแหล่งพลังงาน และโครงการของเอมรอดจะลดการใช้น้ำมันดีเซลลงได้ 

ที่มาของข้อมูล popularmechanics.com

ที่มาของรูปภาพ Emrod

► 7 วิธีล้างห้องน้ำสกปรกมากให้สะอาดเหมือนใหม่

7 วิธีล้างห้องน้ำสกปรกมาก ช่วยทำความสะอาดห้องน้ำได้ทั่วถึงทุกจุด เพิ่มสุขอนามัยที่ดี น่าใช้งาน ปลอดภัยจากเชื้อโรคร้ายที่มองไม่เห็น
ห้องน้ำสกปรก ไม่น่าใช้งาน เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่หลายๆ บ้านต้องเผชิญ นอกจากจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่น่ามองแล้ว ยังเป็นที่อยู่อาศัยชั้นดีของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และเชื้อโรคอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจส่งผลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัวได้

  1. ทำความสะอาดโซนเปียก
    สำหรับบ้านที่มีห้องน้ำแบบแบ่งโซนเปียกและโซนแห้ง โซนเปียกสำหรับอาบน้ำนั้นมักจะมีคราบสบู่ คราบไขมัน รวมไปถึงความชื้นสะสมอยู่ตามก๊อกน้ำและฝักบัว ทำให้ห้องน้ำสกปรกไม่น่าใช้งาน เป็นที่อยู่ของเชื้อรา ราดำและเชื้อโรคประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย
    วิธีทำความสะอาดก็เริ่มต้นด้วยการฉีดน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์เป็นกรดทำลายพื้นผิว หรือใช้น้ำสบู่ใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นให้ทั่ว จากนั้นใช้ฟองน้ำขัดถูคราบสกปรกตามบริเวณต่าง ๆ ใช้น้ำล้างให้สะอาด และอย่าลืมใช้ผ้าสะอาดเช็ดพื้นผิวให้แห้งเพื่อป้องกันความชื้นสะสม นอกจากนี้ยังสามารถทำความสะอาดหัวฝักบัวได้ด้วยการใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเปล่า ผูกไว้กับหัวฝักบัว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วนำถุงออกเปิดน้ำไล่ความสกปรกออกจากหัวฝักบัว ก็เป็นที่เรียบร้อย

  1. ทำความสะอาดผนัง เพดาน
    บริเวณผนังและเพดานห้องน้ำควรใช้น้ำอุ่นเทให้ทั่วพื้นผิว แล้วใช้ไม้ดันฝุ่นหุ้มด้วยผ้าสะอาดหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ที่มีผิวนุ่ม ชุบน้ำสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดเจือจางเช็ดทำความสะอาด เมื่อเช็ดถูเรียบร้อยแล้วใช้น้ำเย็นล้างทำความสะอาดเพื่อลดอุณหภูมิบนพื้นผิว จากนั้นใช้ไม้รีดน้ำหรือผ้าซับน้ำเช็ดทำความสะอาดให้แห้งเพื่อไม่ให้ความชื้นสะสมตัวจนเกิดเป็นเชื้อรา

  1. ทำความสะอาดคราบสกปรกบนอ่างล้างหน้า
    อ่างล้างหน้าเป็นอีกจุดที่พบคราบสกปรกได้บ่อย เพราะเป็นจุดที่ต้องใช้งานทุกครั้งหลังทำธุระส่วนตัว ทำให้เกิดความสกปรกขึ้นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคราบหินปูน คราบตะกอนที่เกาะอยู่ตามก๊อกน้ำหรือท่อระบายน้ำที่อ่างล้างมือ ควรใช้แปรงสีฟันขัดรอบ ๆ ก๊อกน้ำ แต่ห้องน้ำสกปรกส่วนใหญ่มักมีหินปูนเกาะอยู่อย่างแน่นหนา จึงควรใช้น้ำยาขจัดหินปูนหรือผงคลอรีนสำหรับฆ่าเชื้อ นำมาละลายน้ำให้เจือจางแล้วราดทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงค่อย ๆ แซะคราบหินปูนออกเบา ๆ ก็จะช่วยกำจัดคราบหินปูนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    นอกจากนี้ควรผสมน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดาแล้วเทลงในท่อระบายน้ำอ่างล้างมือ จากนั้นจึงเทน้ำร้อนตามลงไป เพื่อกำจัดคราบไขมัน และคราบสกปรกที่ติดค้างอยู่ในท่อระบายน้ำ ช่วยให้ระบายน้ำทิ้งได้ดีขึ้น และยังเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยป้องกันปัญหาอ่างล้างหน้าตันได้อีกด้วย
    หากสะดืออ่างล้างหน้าชำรุดหรือเสื่อมโทรมก็ส่งผลต่อการระบายน้ำ อันนำมาซึ่งปัญหาอ่างล้างหน้าสกปรกได้เช่นกัน ซึ่งวิธีการเปลี่ยนสะดืออ่างล้างหน้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ซับซ้อน สามารถเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง จึงควรหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ และซ่อมแซมอย่างสม่ำเสมอ หากพบว่ามีจุดที่ชำรุดหรือเสียหาย เพื่อให้อุปกรณ์ภายในห้องน้ำตลอดจนเครื่องสุขภัณฑ์ทุกชิ้น ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  1. ทำความสะอาดคราบเหลืองตามโถสุขภัณฑ์
    อีกหนึ่งวิธีล้างห้องน้ำสกปรกมากที่ควรทำเป็นอย่างแรก ๆ เลยก็คือ การทำความสะอาดคราบเหลืองบนโถสุขภัณฑ์ เพราะนอกจากจะเป็นภาพที่ไม่น่ามองแล้วยังเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคอีกด้วย ควรทำความสะอาดด้วยการเทน้ำยาทำความสะอาดทิ้งไว้สักพัก ใช้แปรงขัดทำความสะอาด และปิดฝาโถสุขภัณฑ์ก่อนกดชำระล้าง เพื่อป้องกันสารเคมีกระเซ็นออกจากตัวโถ นอกจากนี้สามารถใช้น้ำอัดลมหรือน้ำส้มสายชูเททิ้งไว้ แล้วค่อยกดปุ่มฟลัชก็ได้เช่นกัน

  1. ทำความสะอาดร่องยาแนวและคราบขาวบนพื้น
    เชื้อราดำบนร่องยาแนวและคราบขาวบนพื้นกระเบื้อง เป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งที่พบได้บ่อยในห้องน้ำสกปรก ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการใช้น้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดาราดลงบนพื้นเปียก จากนั้นทิ้งไว้สักพักหนึ่ง และใช้แปรงขัดลงบนคราบสกปรก โดยควรเลือกใช้แปรงสีฟันขัดตามร่องยาแนว เพราะขนาดนั้นของแปรงสีฟันนั้นเหมาะกับขนาดและความลึกของร่องยาแนว จึงทำความสะอาดได้ทั่วถึงมากกว่าแปรงขัดทั่วไป จากนั้นจึงเทน้ำสะอาดทำความสะอาดอีกครั้ง และใช้ไม้รีดน้ำกวาดน้ำออกให้หมดเพื่อป้องกันความชื้นสะสม
    นอกจากนี้ หากใช้กระเบื้องแผ่นใหญ่ภายในห้องน้ำ บริเวณผนังและพื้นห้องน้ำ ก็จะช่วยลดพื้นที่ของร่องยาแนวได้ อีกทั้งยังช่วยให้ห้องน้ำของคุณดูสวยงาม หรูหรามากยิ่งขึ้น เพราะทั้งพื้นและผนังดูเป็นแผ่นเดียวกัน

  1. ระบบระบายอากาศอย่ามองข้าม
    เนื่องจากพัดลมดูดอากาศนั้นต้องสัมผัสกับความชื้น เศษฝุ่นสิ่งสกปรกและคราบไขมันเป็นประจำ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็ทำให้เกิดคราบสกปรกเกาะติดอยู่ที่พัดลมดูดอากาศได้ ดังนั้นอีกวิธีล้างห้องน้ำสกปรกมากก็คือการทำพัดลมดูดอากาศออกมาทำความสะอาดเสียบ้าง สำหรับพัดลมดูดอากาศแบบติดผนังให้ถอดฝาปิดใบพัดออก และนำใบพัดของพัดลมดูดอากาศออกมาเช็ดทำความสะอาด โดยอย่าลืมเช็ดทำความสะอาดตัวฐานพัดลมด้วย จากนั้นจึงนำใบพัดกลับเข้าไปประกอบที่เดิมก็เป็นอันเรียบร้อย

  1. เช็ดกระจกและพื้นที่อื่น ๆ ให้เรียบร้อย
    คราบสกปรกบนกระจกนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งคราบยาสีฟัน คราบสบู่ ไปจนถึงฝ้าจากไอน้ำจากเครื่องทำน้ำอุ่น ควรหมั่นเช็ดกระจกเป็นประจำ ด้วยน้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาล้างจาน หรือจะใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้อย่าลืมเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ของใช้ต่าง ๆ ภายในห้องน้ำให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันความชื้นสะสมตัวจนเกิดเป็นคราบราดำในเวลาต่อมาได้

ที่มา https://th.toto.com/news_promotions/7-วิธีล้างห้องน้ำสกปรก

► 4 ตัวช่วย กำจัดกลิ่นรองเท้าเหม็นอับ

นำหนังสือพิมพ์เก่ามายัดไว้ในรองเท้า จะช่วยดูดความชื้นและกลิ่นเหม็นอับได้

นำถ่านไม้มาใส่ไว้ในของรองเท้า จะช่วยดูดกลิ่นรองเท้าได้

นำสำลีชุบแอลกอฮอล์มาใส่ไว้ในของรองเท้า แอลกอฮอล์จะฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียออกไป

นำแป้งเย็นมาโรยให้ทั่วพื้นรองเท้า แป้งเย็นจะจับตัวกับความชื้น และช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นตัวทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

► 10 วิธีช่วยประหยัดเงินค่าไฟฟ้า

  1. การเปิดใช้แอร์
    เปิดแอร์เฉพาะในเวลาที่จำเป็น อย่างเช่น ในวันที่อากาศร้อนมากๆ โดยเปิดแอร์อยู่ที่อุณหภูมิ 25 องศาก็เพียงพอ หากเราเปิดแอร์อุณหภูมิที่ต่ำก็จะทำให้เปลืองค่าไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยทำให้แอร์เร็วขึ้นก่อนที่จะเปิดแอร์ให้เปิดพัดลม เปิดประตูหน้าต่าง เพื่อเป็นการระบายความร้อนสะสมที่อยู่ในห้องให้หมดไปก่อน จากนั้นปิดประตูหน้าต่างแล้วค่อยเปิดแอร์พร้อมๆ กับเปิดพัดลม ก็จะช่วยให้อากาศในห้องเย็นขึ้น แอร์ไม่ทำงานหนัก ไม่เปลืองไฟนั่นเอง
  1. การใช้งานเครื่องดูดฝุ่น
    บ้านใครที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์เลี้ยง ปกติแล้วก็ไม่ค่อยที่จะมีฝุ่นมากมายเท่าไหร่นัก การใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดฝุ่นทุกวันจะทำให้เปลืองไฟ แต่จะให้เว้นดูดฝุ่น 2-3 ครั้งต่อเดือนก็เพียงพอ ใช้วิธีการกวาดถูเอา วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า และประหยัดค่าไฟไปได้มาก
  1. ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งหลังใช้งาน
    การปิดสวิตช์เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการตัดกระแสไฟไปเลย ตราบใดที่ปลั๊กยังมีการเสียบอยู่กับตัวเต้ารับก็ยังคงมีกระแสไฟที่เดินอยู่ ให้ถอดปลั๊กในทุกๆ ครั้ง หลังจากการใช้งานจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า
  1. เลือกใช้หลอดไฟที่ประหยัดไฟฟ้า วัตต์ต่ำแต่ค่าความสว่างสูง
    สำหรับหลอดไฟที่ประหยัดไฟฟ้จะมีราคาที่ค่อนข้างแพงกว่าหลอดไฟชนิดอื่นก็จริง แต่จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่าหลอดไฟชนิดอื่น
  1. ซักรีดเสื้อผ้าในครั้งมากๆ
    อุปกรณ์เครื่องซักผ้าเตารีดเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความเปลืองไฟมาก หากจะซักรีดเสื้อผ้าก็ควรซักรีดในครั้งละปริมาณมากครั้งเดียว หรืออย่างน้อย 1 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์ ไม่ใช่ว่ามาซักรีดในทุกๆ วัน แบบนั้นจะทำให้เปลืองไฟฟ้า
  1. ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคน้อยลง
    เตาไมโครเวฟ กระทะไฟฟ้า เครื่องปั่น รวมถึงเตาอบ จัดได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามาก ให้ลดปริมาณความถี่ของการใช้เครื่องไฟฟ้าเหล่านี้ ค่าไฟฟ้าของคุณก็จะลดน้อยลงไปได้มาก
  1. แช่ของในตู้เย็น
    จัดระเบียบของในตู้เย็น ทิ้งของที่หมดอายุ ของที่ไม่จำเป็น ไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อยๆ จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มาก
  1. เครื่องใช้ไฟฟ้า
    ลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นหรือใช้เครื่องมืออื่นทดแทนได้ เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้า มีดโกนหนวดไฟฟ้า เครื่องเป่าผม เครื่องเป่าลมร้อน ลดความสะดวกสบายลงนิดแต่ลดค่าไฟฟ้าได้มาก
  1. ปิดไฟที่ไม่ได้ใช้งาน
    ไฟส่องสว่างภายในบ้านและถายนอกบ้าน สามารถลดการใช้โดยการปิดไฟส่องสว่างที่ไม่ได้ใช้งาน บางที่ที่ไม่ได้ต้องการความสว่างมากก็เปิดดวงเว้นดวงหรือลดขนาดลง
  1. ติดตั้งเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว
    ตัวเซ็นเซอร์นี้จะเป็นตัวที่ช่วยเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น แอร์ ไฟส่องสว่าง พัดลม ตัวเซ็นเซอร์มีหลายแบบ เช่น จับความเคลื่อนไหว จับระดับความมืด เพื่อให้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ ทำงานเฉพาะที่จำเป็นและใช้งานจริงๆ

► ต้นไม้ที่ควรปลูกไว้ในห้องน้ำ

ต้นไม้ที่ควรปลูกไว้ในห้องน้ำเพื่อช่วยดับกลิ่นเหม็นและยังช่วยฟอกอากาศในห้องน้ำให้สดชื่นอีกด้วย

  1. กวักมรกต (ZanzibarGem)
    เป็นต้นไม้ที่ช่วยดูดสารพิษและกรองอากาศได้รวมทั้งช่วยคายออกซิเจนออกมาในตอนกลางคืนอีกด้วย จึงเหมาะสำหรับปลูกเพื่อดูดกลิ่นในห้องน้ำเป็นต้นไม้ที่ดูแลง่ายกักเก็บน้ำได้ดีไม่จำเป็นต้องรดน้ำบ่อยๆ สามารถปรับตัวเข้ากับหลากหลายสภาพอากาศ
  1. พลูด่าง (GoldenPothos)
    ปลูกได้ทั้งลงดินและในน้ำพลูด่างเป็นไม้โตง่ายทนทุกสภาวะอากาศ ที่สำคัญดูแลง่ายจึงเหมาะกับการปลูกในห้องน้ำ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการฟอกอากาศลดปริมาณเบนซินและสารละลายไตรคลอโรเอทีลีน ช่วยทำลายสารที่เป็นพิษต่อร่างกายได้นอกจากนี้ยังมีใบและลวดลายที่สวยงามเป็นต้นไม้ประดับในห้องน้ำได้ด้วย
  1. เศรษฐีเรือนใน (SpiderPlant)
    ต้นเศรษฐีเรือนในหรือต้นแมงมุมมีเส้นขาวตรงกลางขอบเขียว นำไปตกแต่งในห้องน้ำสามารถช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยดูดกลิ่นในห้องน้ำไปพร้อมกัน เป็นต้นไม้เลี้ยงง่ายปลูกที่ไหนก็ได้ชอบอยู่ในที่ร่ม ต้องการน้ำน้อยทนความชื้นได้ดี แต่ก็ต้องการอากาศที่ไหลเวียนดีด้วยเช่นกันดังนั้นจึงควรนำออกไปตากแดดรำไรบ้างอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
  1. เดหลี (PeaceLily)
    ต้นไม้ดับกลิ่นที่สายไม้ดอกไม่ควรพลาดนั่นก็คือเดหลีที่มีดอกเป็นช่อสวยสีขาวหรือขาวแกมเหลือง (คล้ายดอกหน้าวัว) ส่วนใบสีเขียวมันวาวช่วยเสริมบรรยากาศในห้องน้ำให้สดชื่นสบายตาควรโดนแดดบ้างเล็กน้อยเช็ดใบบ้างและรดน้ำให้ชุ่มอยู่เสมอ หรือจะปลูกในน้ำก็ได้ ช่วยดูดสารพิษอย่างเบนซินฟอร์มาลดีไฮด์อะซีโตนและสารจำพวกแอลกอฮอล์ได้ดี
  1. เฟิร์นบอสตัน (BostonFern)
    เฟิร์นบอสตันนอกจากเรื่องความสวยงามแล้วยังเด่นเรื่องฟอกอากาศและดับกลิ่นในห้องน้ำด้วยเพราะเป็นต้นไม้ที่ชอบความชื้นสูง จึงสามารถดูดความชื้นในห้องน้ำช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและเชื้อราได้ดีเยี่ยม ต้องการแค่แสงแดดรำไรบ้างเล็กน้อยการรดน้ำไม่ต้องชุ่มมาก หรือคอยพ่นละอองน้ำให้บ้างเท่านั้น นอกจากจะผลิตออกซิเจนแล้วยังดูดซับกลิ่นดูดสารพิษ

► การวิปัสสนากรรมฐาน

การวิปัสสนากรรมฐาน
ทุกคนล้วนต้องการความสุข ไม่มีใครชอบความทุกข์ แต่เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถควบคุมหรือหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเราต้องหัดรู้จักรับมือกับมันให้ได้ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีในการจัดการรับมือกับปัญหาที่ต่างๆ กันออกไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หรือปัญหานั้นๆ
การวิปัสสนากรรมฐานหรือการเจริญวิปัสสนาเป็นเรื่องของการศึกษาชีวิต เพื่อที่จะปลดเปลื้องกิเลสหรือความทุกข์ต่างๆ ให้ออกไปจากชีวิต อันนำมาซึ่งการดับทุกข์และความสงบสุขทั้งกายและใจ หรือว่าง่ายๆ คือ “การปล่อยวางและไม่ยึดติด” ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยวางจากกิเลส ความทุกข์ ความคาดหวังต่างๆ หรือแม้แต่การไม่ยึดติดกับความสุข วัตถุนิยมหรือสิ่งรอบกายทั้งหลายได้ ก็นับว่าเป็นการเจริญวิปัสสนาแล้ว หากว่าคุณสามารถปล่อยวางและไม่ยึดติดได้แล้ว คุณจะรู้สึกเป็นอิสระ ผ่อนคลาย และมีความสบายทั้งกายและใจ

การวิปัสสนากรรมฐานที่เป็นที่นิยมและผู้คนปฏิบัติตามกันเยอะจะมีดังนี้​
1. พองหนอ ยุบหนอ
เป็นการตั้งสติไว้ที่หน้าท้อง พร้อมกับภาวนาว่า “พองหนอ” และ “ยุบหนอ” ตามการเคลื่อนไหวของหน้าท้อง โดยให้กำหนดจิตไว้ที่ปลายจมูกหรือริมฝีปาก และพยายามสังเกตุลมหายใจเข้า-ออก นอกจากนี้ยังมีการสอนให้กำหนดจิตและลมหายใจเข้า-ออก ด้วยการภาวนาในใจเวลาหายใจเข้าว่า “พุท” เวลาหายใจออกว่า “โธ”


2. การนั่งสมาธิ
เป็นการเจริญสติมีความสำคัญมากเพราะทำให้เกิดปัญญา ความสงบ ความสบาย และความรู้สึกที่เป็นสุข เมื่อเจริญสติกำหนดรู้ให้ต่อเนื่องกันได้แล้วจิตจะสงบลง ความฟุ้งซ่านจะน้อยลง และทำให้เกิดสติสัมปชัญญะ ปัญญา ความคิดถูก รู้ถูก พูดถูก ทำถูก หรือที่เรียกว่าปัญญาหรือวิปัสสนาญาณนั่นเอง


3. เดินจงกรม
แตกต่างจากการเดินแบบปกติธรรมดาทั่วไปตรงที่ต้องใช้ “สติ” ในการเดิน คือ ต้องมีสติคอยกำหนดอยู่ตลอดเวลาในการเดิน ทำได้ไม่ยาก คุณก็สามารถกำหนดสติเวลาย่างก้าวได้ ย่างเท้าซ้ายให้กำหนดในใจ “ซ้ายหนอ” ย่างเท้าขวาให้กำหนดในใจ “ขวาหนอ” สลับกันไปเรื่อยๆ ให้สติอยู่กับกาย ซึ่งการเดินถือเป็นอิริยาบถหนึ่งในอิริยาบถทั้ง 4 ที่ช่วยพัฒนาในด้านจิตใจได้


4. มีสติทุกการเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ
ขณะที่เคลื่อนไหวให้ภาวนาและมีสติอยู่ตลอดเวลา และให้สังเกตุทุกการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง การยืน การนอน หรือแม้แต่การเปลี่ยนท่าทาง อย่างเช่น หากกำลังจะนอนลง ให้ภาวนาในใจว่า “นอนหนอ” หรือหากกำลังจะทานข้าว ให้ภาวนาเริ่มตั้งแต่การวางจาน การนั่ง การมองเห็น ไปจนถึงการเคี้ยว การกลืน โดยการมีสติในทุกอิริยาบถต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราไม่ประมาท และยังช่วยพัฒนาลำดับความคิดในการจะทำสิ่งต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

      ประโยชน์ของการเจริญวิปัสสนานั้นมีนานับประการ โดยผลดีในทางโลกนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่เราสามารถนำไปประกอบสัมมาอาชีพหรือนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และทางด้านร่างกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ช่วยให้มีสมาธิ ความจำดีขึ้น สติปัญญาเฉียบแหลม ช่วยบำบัดโรคร้ายแรง โรคเรื้อรัง หรือโรคที่เกี่ยวกับทางใจต่างๆ อีกทั้งยังช่วยให้มีสติอยู่ตลอด ลดความประมาทในการใช้ชีวิตลง และยังช่วยพัฒนาจิตใจให้มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรม ศีลธรรมและจริยธรรมให้ดียิ่งขึ้น
      ส่วนผลดีของการเจริญวิปัสสนาในทางธรรมนั้นก็มีอยู่เยอะไม่แพ้ทางโลกเช่นกัน โดยช่วยให้ผู้ปฏิบัติมีสติในการดำเนินชีวิตหรือในการทำสิ่งต่างๆ ช่วยให้มีสมาธิ สามารถหยั่งรู้ ตัดกิเลสและปล่อยวางให้ไม่ลุ่มหลงมัวเมาไปกับสิ่งเร้ารอบกาย ตัดวัฏฏสงสาร ตัดเวรตัดกรรมหรือลดกรรมที่เคยได้ทำมาในอดีตชาติโดยการแผ่ส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตอยู่และที่เป็นจิตวิญญาณ

ที่มา : https://www.sanook.com