หมวดหมู่: สถานที่

► 10 สถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับหินในไทย ที่ธรรมชาติรังสรรค์อย่างลงตัว

-มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ
“มอหินขาว” หรือสโตนเฮนจ์เมืองไทย กลุ่มเสาหินทรายสีขาวขนาดใหญ่ ตั้งโดดเด่นบนลานหญ้ากว้างบริเวณเนินเขา ภายในอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เกิดจากการสะสมของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียวจากทางน้ำ เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ทำให้มีการแตกหัก ผุพัง และการกัดเซาะ จนกลายเป็นเสาหินสูงใหญ่ 5 เสา รูปทรงประหลาดบนเนินเขาอย่างที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน

-สามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี
แลนด์มาร์กชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าของฉายา “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” ที่จะโผล่มาให้ได้ยลโฉมเพียงแค่ช่วงระยะเวลาฤดูแล้งที่แม่น้ำโขงลดลงเท่านั้น เกิดจากการกัดเซาะของแรงน้ำวน เมื่อนับดูแล้วมีจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง ซึ่งคำว่า “แอ่ง” ในภาษาท้องถิ่นจะเรียกว่า “โบก” จึงเป็นที่มาของคำว่า “สามพันโบก” นั่นเอง

-แพะเมืองผี จังหวัดแพร่
แหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่สำคัญของจังหวัดแพร่ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดจากการทับถมกันของดินตะกอนแม่น้ำนานนับล้านปี โดยลักษณะการเกิดของเสาหิน เกิดจากกรวด หิน ดิน ทราย เกาะจับตัวกัน ยังไม่แน่นแข็งเต็มที่ ประกอบด้วยชั้นหินทรายละเอียดและชั้นหินทรายสลับกันเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นมีความต้านทานต่อการผุพังไม่เท่ากัน เมื่อถูกน้ำฝนชะซึมชั้นหินที่มีความต้านทานต่อการผุพังน้อยกว่าก็จะถูกชะล้าง กัดกร่อน เหลือชั้นที่มีความต้านทานต่อการผุพังมากกว่า ส่วนที่เหลือจึงเกิดเป็นแท่ง เป็นหย่อม และมีรูปร่างแตกต่างกันออกไปดังเช่นปัจจุบัน

-ละลุ จังหวัดสระแก้ว
“ละลุ” ในภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ” ที่นี่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝนกัดเซาะ ยุบตัว หรือพังทลายของดิน เนื่องจากสภาพดินแข็งจะคงอยู่ไม่ยุบตัว เมื่อถูกลมกัดกร่อนจึงมีลักษณะเป็นรูปต่างๆ มองคล้ายกำแพงเมือง หน้าผา บ้างมีลักษณะเป็นแท่งๆ

-คลองหินดำ จังหวัดชุมพร
แกรนด์แคนยอนแห่งชุมพร มีลักษณะเป็นแนวกำแพงหินทั้งสองข้างที่เกิดจากการกัดเซาะของลำธารมายาวนาน จนเกิดเป็นลำธารที่มีความกว้างประมาณ 5-10 เมตร ไหลผ่านรอยแยกของหิน ในลักษณะลัดเลาะคดเคี้ยวไป-มา ระยะทางยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร และมีแก่งหินสูงมากกว่า 3-5 เมตร โดยรอบมีต้นไม้หายากน้อยใหญ่ตั้งอยู่มากมาย บรรยากาศร่มรื่น ซึ่งในช่วงฤดูน้ำลดสามารถลงเล่นน้ำได้

-กองแลน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ฉายา “ปายแคนยอน” เพราะธรรมชาติได้สร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ มีลักษณะเป็นภูเขาหินรูปร่างต่าง ๆ ที่เกิดจากการยุบตัวของภูมิประเทศ บางส่วนยุบมากก็กลายเป็นเหวลึก และบางส่วนก็กลายเป็นแนวสันเขาที่มีความกว้างพอให้คนเดินได้ ที่นี่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสนุกสนาน ตื่นเต้นจากการเดินเลียบเลาะวนรอบเขา

-ผาช่อ จังหวัดเชียงใหม่
มีลักษณะเป็นหน้าผาหินตกตะกอน สูงประมาณ 30 เมตร กว้างราว ๆ 100 เมตร ที่ตัวหน้าผามีลวดลายลักษณะที่สวยงามแปลกตา มีริ้วลายของหินคล้ายกับผ้าม่าน สันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นแม่น้ำปิงมาก่อน ต่อมาธรณีแปรสัณฐาน และได้ดันชั้นตะกอนบริเวณขอบแอ่งของแม่น้ำ ซึ่งเป็นตะกอนในยุคเทอร์เชียรี มีอายุประมาณ 5 ล้านปี ขึ้นมา เมื่อโดนทั้งลม ฝน ฯลฯ กัดเซาะจึงกลายเป็นลวดลายที่สวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยการกัดเซาะจนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ

-ลานหินปุ่ม – ลานหินแตก (ภูหินร่องกล้า) จังหวัดพิษณุโลก
ลานหินปุ่ม : อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผาลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน สูงประมาณ 1 ฟุต เกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ ประกอบกับการขัดเกลาของกระแสลมและสายฝน


ลานหินแตก : อยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร มีลักษณะเป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก

-เกาะหินงาม จังหวัดสตูล
เกาะเล็ก ๆ กลางทะเลอันดามัน ตั้งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอาดัง ไกลออกไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร ความโดดเด่น คือ ชายหาดที่ทรายถูกแทนที่ด้วยก้อนหินสีดำเงางามสุดลูกหูลูกตา ก้อนหินกลมเกลี้ยงเนียนเรียบ ลวดลายสวยงาม ขนาดเล็ก-ใหญ่แตกต่างกันไป

-หินสามวาฬ (ภูสิงห์) จังหวัดบึงกาฬ
Unseen จังหวัดบึงกาฬที่หลายคนอยากไปเยือนสักครั้ง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน มีอายุประมาณ 75 ล้านปี หนึ่งเดียวของโลก เมื่อมองดูจากระยะไกล หิน 3 ก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ

ข้อมูลจาก
https://travel.kapook.com/view221049.html
https://www.tripniceday.com
https://www.museumthailand.com
https://www.isangate.com
https://cbtthailand.dasta.or.th
https://www.siameagle.com
https://www.sscarrent.com

► 9 ซุ้มหินธรรมชาติ สวยงามระดับโลก

-El Arco de Cabo San Lucas ประเทศเม็กซิโก
ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาบสมุทรบาจา แคลิฟอร์เนีย ในประเทศเม็กซิโก ความงดงามอยู่ที่หินแกรนิตความสูงกว่า 200 ฟุต ที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเป็นแนวโค้งที่สวยงามราวกับว่าเป็นอุโมงค์ในท้องทะเลเลย เป็นจุดดึงดูดให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาดำน้ำ พายเรือคายัก เล่นเจ็ตสกี รวมถึงชมความงดงามในยามที่พระอาทิตย์ใกล้ตก

-The Rock of Raouche ประเทศเลบานอน
มีลักษณะเป็นผาหินยักษ์ที่หันหน้าเข้าหากันและตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเล จึงดูคล้ายกับยามรักษาการณ์ที่คอยสอดส่องผู้มาเยือนอย่างไรอย่างนั้นเลย โดยส่วนใหญ่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมมาเดินริมแนวผาเพื่อสัมผัสลมทะเลเย็นๆ และวิวสวยๆ ของโค้งใต้ผาหิน ในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตก

-Cathedral Cove ประเทศนิวซีแลนด์
ตั้งอยู่บนชายหาดบริเวณคาบสมุทรโคโรแมนเดล ในประเทศนิวซีแลนด์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นโค้งหินที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากมีขนาดใหญ่มหึมาบวกกับบรรยากาศอันเงียบสงบ ชายหาดสวยงามและสะอาดตา นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาดื่มด่ำกับความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์

-London Arch ประเทศออสเตรเลีย
แม้จะมีชื่อว่า London Arch แต่ไม่ได้อยู่ในประเทศอังกฤษ แต่ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติพอร์ต แคมป์เบล (Port Campbell National Park) ในวิกตอเรียของประเทศออสเตรเลีย สาเหตุที่ตั้งชื่อว่า London Arch ก็เพราะผาหินดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับสะพานลอนดอนหรือสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ แต่เป็นที่น่าเสียดายไม่น้อยที่บางส่วนถูกน้ำกัดเซาะจนพังเหลือไว้เพียงผาหินที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่ริมทะเลอย่างทุกวันนี้

-Durdle Door สหราชอาณาจักร
อีกหนึ่งโค้งหินสวยแปลกตาที่ตั้งอยู่ใกลกับมณฑลดอร์เซต (Dorset) ของประเทศอังกฤษ ด้วยรูปทรงที่ต่างจากแนวโค้งหินอื่นจึงทำให้ถูกจินตนาการไปต่าง ๆ นานา ว่าคล้ายสัตว์ที่กำลังก้มหน้าไปดื่มน้ำทะเล บ้างก็ว่าคล้ายกับไดโนเสาร์ เนื่องจากว่าชายฝั่งซึ่งเป็นที่ตั้งของ Durdle Door ถูกเรียกว่า Jurassic Coast หรือชายฝั่งไดโนเสาร์ ซึ่งเป็นเหตุมาจากการพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์บริเวณนี้เป็นจำนวนมาก

-Pont d’Arc ประเทศฝรั่งเศส
ซุ้มหิน Pont d’Arc ถือเป็นอีกหนึ่งสีสันความสวยงามที่ธรรมชาติสร้าง ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่ซึ่งถูกเรียกว่า Vallon-Pont-d’Arc ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของหินปูนที่ถูกกัดเซาะโดยแม่น้ำ Ardeche อีกทั้งยังเป็นเหมือนซุ้มหินยักษ์ที่นักท่องเที่ยวต้องลอดข้ามหากต้องการไปยังอีกฝั่งโดยไม่มีทางเลือกอื่น

-Double Arch สหรัฐอเมริกา
ว่ากันว่าซุ้มหินธรรมชาติในสหรัฐอเมริกามีมากกว่าที่อื่น ๆ โดยเฉพาะในอุทยานแห่งชาติ Arches National Park ที่มีซุ้มหิน Double Arch ซึ่งถูกน้ำกัดเซาะจนกลายเป็นซุ้มหินขนาดใหญ่ ถ้ายังจำกันได้กับภาพยนตร์เรื่องอินเดียน่า โจนส์ ตอนศึกอภินิหารครูเสด คุณจะพบว่า Double Arch ถูกใช้เป็นฉากเปิดตัวของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เรียกว่าสวยงามแล้วยังมีเรื่องราวอันน่าสนใจด้วย

-The Azure Window ประเทศมอลตา
ใครที่ต้องการไปสัมผัสกับความสวยงามของซุ้มหิน The Azure Window ที่ประเทศมอลตา ก็คงต้องรีบกันหน่อย เพราะยิ่งกาลเวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ยิ่งถูกกัดเซาะด้วยน้ำทะเลมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ารูปร่างและรูปทรงของซุ้มหินก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย จุดเด่นของ The Azure Window อยู่ที่องค์ประกอบรอบด้านที่ล้อมรอบ ทั้งน้ำทะเลสีครามและผาหินอื่นๆ รอบด้านที่รวมอยู่ด้วยกันซึ่งทำให้ภาพออกมาสวยงามและลงตัวยิ่งขึ้น

-Shipton’s Arch ประเทศจีน
ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือในมณฑล Kashgar ในเขตการปกครองซินเจียงอุยกูร์ ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1947 โดย Eric Shipton นักไต่เขาชาวอังกฤษ เป็นที่มาของชื่อซุ้มหิน Shipton’s Arch นอกจากนี้ยังเป็นซุ้มหินธรรมชาติที่สูงที่สุดในโลก แม้จะไม่มีทะเลล้อมรอบเหมือนซุ้มหินที่อื่น ๆ แต่การได้อยู่ท่ามกลางขุนเขาและเมฆหมอกบาง ๆ ก็ถือเป็นอีกมุมสุดโรแมนติ

ข้อมูลจาก https://travel.kapook.com/view94559.html