











ติดตามผลงานต่อที่ https://www.instagram.com/marijatiurina
อีกทางเลือกหนึ่งของ Full Face Mask เพื่อการดำน้ำหรือทำงานใต้น้ำด้วยงบประมาณประหยัดดว่า แต่ยังคงประสิทธิภาพอย่างเต็มเปี่ยม
•เพื่อเน้นความสวยงามและเอกลักษณ์ของวัสดุ และคุณภาพของงานคราฟท์ ด้วยการพัฒนาดีไซน์ใหม่ “Ching Chair”
•ในไต้หวันผู้คนตระหนักว่าไผ่เป็นวัสดุที่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน มันสามารถนำมาทำเครื่องมือ เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้างได้
•เก้าอี้ไม้ไผ่นี้โปรเจคเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นความสำคัญของความสวยงามของวัตถุดิบ และเน้นความยืดหยุ่นของไป่ในการใช้ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
•ในการคงเอกลักษณ์และ Texture ของโครงสร้าง ไม้ไผ่ถูกเข้ากระบวนการเพื่อคงลักษณะของพื้นผิวไว้ เห็นได้จากสีเขียวของไผ่ ที่จะไม่จางหายไป นอกจากนั้นทั้งตัวเก้าอี้ จะถูกสร้างจากปล้องไผ่ 1 ต้น ที่ถูกแบ่งเป็นสามส่วน และเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
ที่มา https://www.facebook.com/environman.th
Powerco จากนิวซีแลนด์กำลังเริ่มใช้เทคโนโลยีจากบริษัทสตาร์ทอัปชื่อเอมรอด (Emrod) ตั้งเป้าทดสอบการจ่ายพลังงานแห่งอนาคต ที่ไม่มีเสาไฟอีกต่อไป
ปัจจุบัน เทคโนโลยีไฟฟ้าไร้สาย กลายเป็นหมุดหมายสำหรับการส่งจ่ายพลังงานในระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานแห่งอนาคต ในโครงการนำร่องของพาวเวอร์โค (Powerco) บริษัทผู้ให้บริการไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 2 ของนิวซีแลนด์ พาวเวอร์โคกำลังเริ่มใช้เทคโนโลยีจากบริษัทสตาร์ตอัปชื่อเอมรอด (Emrod) ตั้งเป้าทดสอบการจ่ายพลังงานโดยไม่มีเสาไฟและสายไฟระโยงระยาง และอนาคตของระบบพลังงานในนิวซีแลนด์อาจกลายเป็นภาพในฝันของนักวิทยาศาสตร์ในอดีต นามว่า นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)
ย้อนไปในอดีต ช่วงทศวรรษที่ 1890 นิโคลา เทสลา นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ผู้ประดิษฐ์ Tesla Coil และผู้พัฒนาไฟฟ้ากระแสสลับ ได้ทดลองการส่งกระแสไฟฟ้าแบบไร้สายขึ้นที่สหรัฐอเมริกา แต่ผลการทดลองไม่เป็นไปตามที่คาด โดยเขาไม่สามารถควบคุมลำแสงไฟฟ้าในระยะทางไกลได้ ในทางกลับกัน ต้นปีนี้ เอมรอดเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าทดลองที่ปล่อยกระแสไฟแบบไร้สาย ไม่ต้องปักเสา ไม่มีสายไฟ ซึ่งเท่ากับว่าไม่ต้องใช้สายทองแดงอีกต่อไป
วิธีการของเอมรอดคือ พวกเขาเลือกส่งผ่านพลังงานแบบไร้สาย โดยการสร้างลำแสงกระแสไฟฟ้าอัดแน่น จากคลื่นวิทยุที่ใกล้เคียงกับความถี่ของ Wi-Fi และบลูทูธ รวมถึงไมโครเวฟ ซึ่งพวกเขาจะใช้อุปกรณ์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบพิเศษที่ติดตั้งอยู่บนเสาแนวนอน ที่ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณไฟฟ้า พร้อม ๆ กับที่พื้นผิวของเสาบริเวณส่วนกว้างจะเป็นตัวจับสัญญาณคลื่นไฟฟ้าทั้งหมดไว้
โดยเคล็ดลับการทำให้ลำแสงไฟฟ้าอัดแน่น คือการเลือกใช้เสาอากาศแบบปรับแก้ไขสัญญาณที่รู้จักกันในชื่อ เรคเทนนา (Rectenna) ที่สามารถส่งผ่านคลื่นไฟฟ้าไมโครเวฟ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้ นับว่าเป็นระบบที่เหมาะกับภูมิประเทศหุบเขาสลับซับซ้อนของนิวซีแลนด์อย่างมาก
ปัจจุบันเอมรอดกำลังทดลองใช้ระบบส่งผ่านพลังงานไร้สายรุ่นต้นแบบในพื้นที่ขนาด 130 ฟุต โดยเสาอากาศโดยทั่วไปที่มีหน้าที่รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเป็นประเภท Antenna เช่น เสารับคลื่นความถี่วิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ หรือสัญญาณไวไฟ จากนั้นจะส่งความถี่ที่ได้รับไปสู่อุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งจะแปลงสัญญาณให้เป็นแสง สี เสียงต่อไป แต่ตัวจ่ายไฟฟ้าไร้สายต้นแบบของ Emrod ส่งไฟฟ้าผ่าน Rectifying Antenna (Rectenna) เสาอากาศเปลี่ยนพลังงาน ซึ่งจะรับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง ส่งพลังงานด้วยวัตถุส่งสัญญาณวิทยุขนาดเล็กที่ใช้รูปแบบสัญญาณคลื่นเดี่ยว จากนั้นคลื่นลำแสงสัญญาณจะแพร่ออกไปในแนวขนาน และจะไม่แพร่กระจายออกนอกพื้นที่
เอมรอดยังใช้การออกแบบวัสดุที่เรียกว่า เมตาแมทีเรียล (Metamaterial) ที่จับคลื่นวิทยุได้อย่างมีประสิทธิภาพเข้ามาช่วยในการส่งพลังงาน และเสาอากาศจะส่งพลังงานผ่านจุดรีเลย์ไปยังเรคเทนนาต้นอื่น ๆ สำหรับระบบความปลอดภัย เอมรอดใช้ระบบเลเซอร์ขนาดเล็ก เพื่อตรวจจับสิ่งกีดขวางระหว่างรีเลย์และเรคเทนนา จึงกล่าวได้ว่า ระบบนี้ไม่แพร่กระจายรังสีภายนอก และไม่มีสัตว์ใด ๆ จะได้รับอันตรายจากการส่งพลังงานรูปแบบนี้
เอมรอดกล่าวว่า เสาพลังงานไร้สายของเอมรอด ทำหน้าที่เป็นเสาตัวกลางเหมือนกับสายเคเบิล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภูมิประเทศภูเขาสลับซับซ้อน เนื่องจากในชนบทของนิวซีแลนด์ มักจะไม่มีสายพลังงานไฟฟ้าปกติเข้าถึงได้ และการพัฒนาโครงการนี้ยังจะสร้างผลดีด้านสิ่งแวดล้อม เพราะพื้นที่หลายแห่งที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็ต้องใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลเป็นแหล่งพลังงาน และโครงการของเอมรอดจะลดการใช้น้ำมันดีเซลลงได้
ที่มาของข้อมูล popularmechanics.com
ที่มาของรูปภาพ Emrod
7 วิธีล้างห้องน้ำสกปรกมาก ช่วยทำความสะอาดห้องน้ำได้ทั่วถึงทุกจุด เพิ่มสุขอนามัยที่ดี น่าใช้งาน ปลอดภัยจากเชื้อโรคร้ายที่มองไม่เห็น
ห้องน้ำสกปรก ไม่น่าใช้งาน เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่หลายๆ บ้านต้องเผชิญ นอกจากจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่น่ามองแล้ว ยังเป็นที่อยู่อาศัยชั้นดีของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และเชื้อโรคอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจส่งผลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัวได้
ที่มา https://th.toto.com/news_promotions/7-วิธีล้างห้องน้ำสกปรก
นำหนังสือพิมพ์เก่ามายัดไว้ในรองเท้า จะช่วยดูดความชื้นและกลิ่นเหม็นอับได้
นำถ่านไม้มาใส่ไว้ในของรองเท้า จะช่วยดูดกลิ่นรองเท้าได้
นำสำลีชุบแอลกอฮอล์มาใส่ไว้ในของรองเท้า แอลกอฮอล์จะฆ่าเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียออกไป
นำแป้งเย็นมาโรยให้ทั่วพื้นรองเท้า แป้งเย็นจะจับตัวกับความชื้น และช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่เป็นตัวทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
การวิปัสสนากรรมฐาน
ทุกคนล้วนต้องการความสุข ไม่มีใครชอบความทุกข์ แต่เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่สามารถควบคุมหรือหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเราต้องหัดรู้จักรับมือกับมันให้ได้ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีในการจัดการรับมือกับปัญหาที่ต่างๆ กันออกไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หรือปัญหานั้นๆ
การวิปัสสนากรรมฐานหรือการเจริญวิปัสสนาเป็นเรื่องของการศึกษาชีวิต เพื่อที่จะปลดเปลื้องกิเลสหรือความทุกข์ต่างๆ ให้ออกไปจากชีวิต อันนำมาซึ่งการดับทุกข์และความสงบสุขทั้งกายและใจ หรือว่าง่ายๆ คือ “การปล่อยวางและไม่ยึดติด” ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยวางจากกิเลส ความทุกข์ ความคาดหวังต่างๆ หรือแม้แต่การไม่ยึดติดกับความสุข วัตถุนิยมหรือสิ่งรอบกายทั้งหลายได้ ก็นับว่าเป็นการเจริญวิปัสสนาแล้ว หากว่าคุณสามารถปล่อยวางและไม่ยึดติดได้แล้ว คุณจะรู้สึกเป็นอิสระ ผ่อนคลาย และมีความสบายทั้งกายและใจ
การวิปัสสนากรรมฐานที่เป็นที่นิยมและผู้คนปฏิบัติตามกันเยอะจะมีดังนี้
1. พองหนอ ยุบหนอ
เป็นการตั้งสติไว้ที่หน้าท้อง พร้อมกับภาวนาว่า “พองหนอ” และ “ยุบหนอ” ตามการเคลื่อนไหวของหน้าท้อง โดยให้กำหนดจิตไว้ที่ปลายจมูกหรือริมฝีปาก และพยายามสังเกตุลมหายใจเข้า-ออก นอกจากนี้ยังมีการสอนให้กำหนดจิตและลมหายใจเข้า-ออก ด้วยการภาวนาในใจเวลาหายใจเข้าว่า “พุท” เวลาหายใจออกว่า “โธ”
2. การนั่งสมาธิ
เป็นการเจริญสติมีความสำคัญมากเพราะทำให้เกิดปัญญา ความสงบ ความสบาย และความรู้สึกที่เป็นสุข เมื่อเจริญสติกำหนดรู้ให้ต่อเนื่องกันได้แล้วจิตจะสงบลง ความฟุ้งซ่านจะน้อยลง และทำให้เกิดสติสัมปชัญญะ ปัญญา ความคิดถูก รู้ถูก พูดถูก ทำถูก หรือที่เรียกว่าปัญญาหรือวิปัสสนาญาณนั่นเอง
3. เดินจงกรม
แตกต่างจากการเดินแบบปกติธรรมดาทั่วไปตรงที่ต้องใช้ “สติ” ในการเดิน คือ ต้องมีสติคอยกำหนดอยู่ตลอดเวลาในการเดิน ทำได้ไม่ยาก คุณก็สามารถกำหนดสติเวลาย่างก้าวได้ ย่างเท้าซ้ายให้กำหนดในใจ “ซ้ายหนอ” ย่างเท้าขวาให้กำหนดในใจ “ขวาหนอ” สลับกันไปเรื่อยๆ ให้สติอยู่กับกาย ซึ่งการเดินถือเป็นอิริยาบถหนึ่งในอิริยาบถทั้ง 4 ที่ช่วยพัฒนาในด้านจิตใจได้
4. มีสติทุกการเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ
ขณะที่เคลื่อนไหวให้ภาวนาและมีสติอยู่ตลอดเวลา และให้สังเกตุทุกการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง การยืน การนอน หรือแม้แต่การเปลี่ยนท่าทาง อย่างเช่น หากกำลังจะนอนลง ให้ภาวนาในใจว่า “นอนหนอ” หรือหากกำลังจะทานข้าว ให้ภาวนาเริ่มตั้งแต่การวางจาน การนั่ง การมองเห็น ไปจนถึงการเคี้ยว การกลืน โดยการมีสติในทุกอิริยาบถต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราไม่ประมาท และยังช่วยพัฒนาลำดับความคิดในการจะทำสิ่งต่างๆ ได้ดีอีกด้วย
ประโยชน์ของการเจริญวิปัสสนานั้นมีนานับประการ โดยผลดีในทางโลกนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่เราสามารถนำไปประกอบสัมมาอาชีพหรือนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน และทางด้านร่างกาย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ช่วยให้มีสมาธิ ความจำดีขึ้น สติปัญญาเฉียบแหลม ช่วยบำบัดโรคร้ายแรง โรคเรื้อรัง หรือโรคที่เกี่ยวกับทางใจต่างๆ อีกทั้งยังช่วยให้มีสติอยู่ตลอด ลดความประมาทในการใช้ชีวิตลง และยังช่วยพัฒนาจิตใจให้มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรม ศีลธรรมและจริยธรรมให้ดียิ่งขึ้น
ส่วนผลดีของการเจริญวิปัสสนาในทางธรรมนั้นก็มีอยู่เยอะไม่แพ้ทางโลกเช่นกัน โดยช่วยให้ผู้ปฏิบัติมีสติในการดำเนินชีวิตหรือในการทำสิ่งต่างๆ ช่วยให้มีสมาธิ สามารถหยั่งรู้ ตัดกิเลสและปล่อยวางให้ไม่ลุ่มหลงมัวเมาไปกับสิ่งเร้ารอบกาย ตัดวัฏฏสงสาร ตัดเวรตัดกรรมหรือลดกรรมที่เคยได้ทำมาในอดีตชาติโดยการแผ่ส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตอยู่และที่เป็นจิตวิญญาณ
ที่มา : https://www.sanook.com
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับทั้งหมด