หมวดหมู่: เรื่องน่าสนใจ

► 3 เคล็ดลับผ่อนบ้านให้หมดเร็ว

1 : โปะเพิ่มทุกๆ เดือน
ก่อนซื้อบ้านหรือคอนโดทุกครั้ง จะแนะนำเสมอว่า ถ้าอยากผ่อนบ้านให้หมดไวๆ ต้องโปะไปอีกเท่าตัวเสมอถ้าทำได้ เช่น เราจะต้องผ่อน 12,000 บาท/เดือน ก็จ่ายธนาคารไปเป็น 24,000 บาทไปเลย เทคนิคนี้จะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านหมดภายใน 8-9 ปีเท่านั้น จากเดิม 30 ปี การโปะเพิ่ม 1 เท่าจะช่วยทำให้เราผ่อนบ้านเสร็จเร็วได้มากกว่า 70%
แต่ถ้าใครคิดว่าวิธีนี้มันดูทรมานเกินไปหรืออยากผ่อนบ้านแบบมีความสุข ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป ก็อาจจะไม่ต้องโปะเยอะขนาดที่บอกไปก็ได้ แต่อาจจะโปะเพิ่มขึ้น 10-20% ของเงินผ่อนไปทุกเดือนแทน เช่น โปะเพิ่ม 10% ก็ผ่อนเดือนละ 13,200 บาท และถ้าสิ้นปีมีโบนัส ก็อาจจะเอาเงินก้อนมาโปะไปบางส่วน ก็จะช่วยร่นระยะเวลาในการผ่อนบ้านของเราได้เช่นกัน

2 : พยายามรีบโปะในช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำๆ
ถ้าระยะยาวเราไม่สามารถโปะเพิ่มขึ้น 1 เท่า ไปได้ตลอด แนะนำว่าช่วงปกติตอน 1-3 ปีแรก อัตราดอกเบี้ยมักจะต่ำ มากหรือน้อยตามโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร และหลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะพุ่งไปตาม MRR ในช่วงปีแรกๆ เราอาจเสียดอกเบี้ยแค่ 3-4% แต่หลังจากนั้นอาจจะกลายเป็น 5-8% ไปเลยก็ได้ เราจึงควรรีบโปะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำๆ เพราะเงินต้นจะลดลงไปได้เยอะ เราก็ประหยัดดอกเบี้ยไปได้มากขึ้น ทำให้เราผ่อนหมดได้เร็วขึ้น แต่ถ้าเราไปโปะในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงๆ เราอาจโปะไปแต่เงินต้นก็ไม่ได้ลดลงไปเท่าไหร่เลย

3 : รีไฟแนนซ์ (Refinance) หรือขอปรับอัตราดอกเบี้ยผ่อนบ้านหรือคอนโดกับธนาคารเดิม (Retention)
อธิบายการรีไฟแนนซ์ง่ายๆ คือ การไปกู้เงินจากธนาคารอื่นที่จ่ายดอกเบี้ยถูกกว่ามาจ่ายคืนธนาคารเดิมที่เคยกู้ เพราะเมื่อเราผ่อนครบ 3 ปี เราหมดโปรโมชั่นดอกเบี้ยต่ำกับธนาคารแล้ว ในปีที่ 4 ดอกเบี้ยจะลอยตัวขึ้นตาม แต่เราจะทำรีไฟแนนซ์ได้ตอนไหนอย่าลืมดูเงื่อนไขสัญญาที่ทำกับธนาคารก่อน ส่วนใหญ่จะทำได้ตอนหลัง 3 ปี หากเรารีไฟแนนซ์ก่อนระยะเวลาที่กำหนดในสัญญากู้ก็จะเสียค่าปรับ แบบนี้ถือว่าไม่คุ้ม
ทีนี้ตอนเราหาธนาคารใหม่ก็ทำเหมือนเดิม เหมือนตอนที่กู้ซื้อบ้านครั้งแรก คือ หาโปรโมชั่นจากแต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบดูว่าธนาคารไหนดอกเบี้ยถูกที่สุด และถูกกว่าดอกเบี้ยที่เราจ่ายอยู่ปัจจุบัน เราก็ย้ายไปกู้กับธนาคารนั้น แต่อย่าลืมดูเงื่อนไขค่าธรรมเนียมและค่าจดจำนองด้วยว่าย้ายไปแล้วจ่ายน้อยลงจริงหรือไม่
แต่อีกสิ่งนึงที่อยากแนะนำสำหรับคนที่ผ่อนบ้านหรือคอนโด คือพยายามสร้างประวัติการผ่อนให้ดี เพราะหากเรามีประวัติการผ่อนดีอย่างน้อย 3 ปี เราสามารถเข้าไปคุยเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้จ่ายถูกลงได้เลย โดยเราไม่ต้องไปรีไฟแนนซ์ เสียค่าธรรมเนียมค่าจดจำนองอีกครั้งกับธนาคารอื่น เราสามารถที่จะคุยขอลดดอกเบี้ยได้ ถ้าคุยดีๆ ไม่แน่อาจจะได้ดอกเบี้ยถูกกว่าย้ายไปรีไฟแนนซ์ธนาคารอื่นอีกด้วย ยิ่งเครดิตเราดีเท่าไหร่ เราก็สามารถที่จะต่อรองได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

ที่มา
https://www.moneybuffalo.in.th
https://www.ddproperty.com
https://www.scb.co.th

► เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากต้นไม้จริงๆ

“แทนที่เราจะปลูกต้นไม้ปล่อยให้โตไปสัก 50 ปี แล้วค่อยโค่นมันเพื่อนำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ ผมจึงเกิดไอเดียว่าเรามาปลูกต้นไม้ในทรงที่เราต้องการเลยดีกว่า ปล่อยให้มันโตตามแบบของมัน พอเราจับมันเด็ดเข้าด้วยกัน เราก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดี่ยวแบบไร้รอยต่อ” – Gavin Munro

บนพื้นที่ 5 ไร่ ณ สวนแห่งหนึ่งในเมือง Derbyshire ประเทศอังกฤษ ถ้าบังเอิญเดินผ่านสวนแห่งนี้ คุณคงตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นต้นไม้ที่นี่ เติบโตมาโดยมีลำต้นรูปทรงแปลก ๆ อยู่หลายร้อยต้น แต่รู้ไหมว่าพวกมันกำลังจะเติบโตเป็น เก้าอี้, โคมไฟ และ โต๊ะ ในอนาคต

Gavin และ Alice Munro สองสามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของสวนแห่งนี้ ทั้งคู่มีความต้องการที่จะทำธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเพื่อนมนุษย์ “Farm furniture” จึงเป็นไอเดียที่ตอบโจทย์ โดยการผลิตเฟอร์นิเจอร์ของที่นี่ เรียบง่ายมาก เพียงแต่ต้องใช้ความใส่ใจและเวลาอย่างสูง

ทั้งคู่ได้ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ จนค้นพบว่า ก่อนจะดัดกิ่งให้เป็นทรงที่ต้องการ ต้องปล่อยให้ต้นไม้ได้เลื้อยไปตามสภาพแวดล้อม ได้เติบโตตามธรรมชาติในแบบของมัน ทั้งคู่ได้เปิดบริษัทชื่อ Full Grown ในปี 2013

“ขั้นตอนในการสร้างมันขึ้นมา คล้าย ๆ กับวิถี ZEN แบบ 3 มิติ” – คุณ Gavin กล่าว ด้วยขั้นตอนและวิธีการผลิตที่กว่าจะได้เก้าอี้สักตัว เฟอร์นิเจอร์สักชิ้น ต้องใช้ ฝีมือ แรงงาน ประสบการณ์ และเวลาอย่างมาก ต้นไม้บางต้นกว่าจะกลายมาเป็นเก้าอี้ให้เราได้นั่ง อาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 ปีเลยทีเดียว

ส่วนใครที่สนใจซื้อเก้าอี้ของบริษัท Full Grown บอกเลยว่าอาจจะต้องรอนานหน่อย เพราะตอนนี้เก้าอี้ถูกจองไปจนถึงปี 2030 แล้ว

ที่มา https://www.facebook.com/pisamaifurniture

► ผลวิจัยเม็ดเลือดเผยอายุขัยที่แท้จริงของมนุษย์ ชี้อยู่ได้นานที่สุดถึง 150 ปี

แม้จะเคยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ว่า คนเราสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานที่สุดราว 120 ปี แต่ผลการศึกษาใหม่ที่วิเคราะห์วงจรชีวิตของเม็ดเลือดกลับให้ข้อมูลที่ต่างออกไป โดยพบสิ่งบ่งชี้ว่าอายุขัยสูงสุดที่แท้จริงของมนุษย์อาจมากถึง 150 ปี

ทีมนักวิจัยเชื้อสายรัสเซียจากบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ “เจโร” (Gero) ในสิงคโปร์ ตีพิมพ์เผยแพร่ผลการวิจัยข้างต้นในวารสาร Nature Communications โดยระบุว่าคนเราสามารถมีชีวิตยืนยาวได้อย่างมากที่สุดราว 120 – 150 ปี แต่จะไม่เกินไปกว่านั้น เนื่องจากความสามารถในการซ่อมแซมฟื้นฟูร่างกายในระดับเซลล์ได้หมดไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงวัยดังกล่าว

  • พบความแก่ชรามีอย่างน้อย 4 แบบ คุณจะเป็นแบบไหนเมื่อสูงวัยมากขึ้น
  • มนุษย์ไม่ได้ชราลงอย่างต่อเนื่อง แต่ร่างกายถึงคราวทรุดโทรม 3 ครั้งใหญ่ในชีวิต
  • วิธีบำบัดใหม่ใช้กระแสไฟฟ้าอ่อนแตะใบหูช่วยชะลอวัย

ทีมผู้วิจัยทราบถึงขีดจำกัดของอายุขัยมนุษย์ได้ ด้วยการวิเคราะห์ผลตรวจนับเม็ดเลือดของประชากรต่างวัย 500,000 คนในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และรัสเซีย เพื่อดูถึงสัดส่วนระหว่างเม็ดเลือดขาวสองชนิด กับความแตกต่างของขนาดเม็ดเลือดแดงที่ร่างกายผลิตออกมา ซึ่งยิ่งคนเรามีอายุมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงทั้งปริมาณและขนาดของเม็ดเลือดสองประการนี้ก็จะยิ่งปรากฏชัดขึ้น เหมือนกับผมที่หงอกขาวเมื่อเข้าสู่วัยชรา

ข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของเม็ดเลือดดังกล่าว เป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarker) ที่บอกได้ถึงระดับความชราหรืออายุทางชีวภาพ (Biological age) ที่แท้จริงของคนเรา ซึ่งอาจแก่กว่าหรืออ่อนเยาว์กว่าอายุที่นับจากวันเกิดก็ได้

ภาพขยายเซลล์เม็ดเลือดแดงขณะเกิดลิ่มเลือด


มีการนำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างเป็นแบบจำลองคอมพิวเตอร์ เพื่อคำนวณหาสิ่งที่เรียกว่า “ตัวบ่งชี้สภาพของสิ่งมีชีวิตแบบมีพลวัต” (DOSI) ซึ่งตัวเลขนี้จะแสดงถึงความสามารถของมนุษย์ในการฟื้นตัวจากภาวะป่วยไข้หรือบาดเจ็บ และหากความสามารถนี้ยังคงอยู่ในช่วงวัยใดก็จะไม่ทำให้เกิดภาวะเครียดในร่างกายที่นำไปสู่ความชรา

ผลการคำนวณปรากฏว่า ความสามารถในการฟื้นตัวจากภาวะป่วยไข้หรือบาดเจ็บของคนเราจะหมดไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงอายุ 120 – 150 ปี ส่วนผลการคำนวณอีกชุดที่ใช้ทวนสอบความถูกต้องของผลคำนวณอายุขัยดังกล่าว ใช้วิธีนับจำนวนก้าวเดินในแต่ละวันกับประชากรต่างวัยราว 5,000 คน ซึ่งก็คำนวณได้ผลออกมาเช่นเดียวกัน แม้ในกรณีนี้จะใช้จำนวนก้าวที่สามารถเดินได้เป็นตัวบ่งชี้ระดับความชราแทนข้อมูลเม็ดเลือดก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การมีอายุขัยที่ยืนยาวมากขึ้นเป็นคนละเรื่องกับการมีสุขภาพที่ดีในวัยชรา ซึ่งทีมผู้วิจัยแนะว่าควรจะต้องมีการศึกษาต่อไปถึงช่วงอายุยาวนานที่สุดที่คนเราจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยมีสุภาพแข็งแรงดีด้วย

ปัจจุบันมนุษย์เจ้าของสถิติอายุยืนยาวที่สุดในโลกได้แก่ จานน์ แกลมองต์ คุณทวดหญิงชาวฝรั่งเศส ซึ่งเสียชีวิตในปี 1997 ด้วยวัย 122 ปี กับอีก 164 วัน

ที่มา : https://www.bbc.com/thai/features-57298728

► 9 วิธีจัดการเวลา ให้คุณจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในวันหนึ่งๆ เรามีเวลาเท่าๆ กัน แต่เคยสังเกตหรือเปล่าว่าทำไมบ้างคนทำอะไรได้มาก ในขณะที่บ้างคนทำอะไรได้น้อย เคล็ดลับของความสำเร็จอยู่ที่การจัดการเวลาของแต่ละคนมีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน เรามาลองดูว่าเคล็ดลับที่สรุปมานั้นมีอะไรบ้าง

  • จัดระเบียบงานที่ต้องทำ เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง กำหนดเวลางานที่ต้องทำและเสร็จ
  • ตื่นนอนในเวลาเดิมทุกวัน วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายของเราจดจำและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
  • อย่าทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน การทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
    เราควรทำงานให้เสร็จเป็นเรื่องๆ ไป โดยเรียงความสำคัญ
  • บันทึกหรือจดจำว่าแต่ละงานที่ทำใช้เวลาไปเท่าไหร่ เพื่อช่วยให้เราสามารถประเมินและวางแผนการทำงานได้
  • กำหนดว่าในแต่ละวันหรือช่วงเวลาไหนจะทำเรื่องอะไร เพื่อจัดระบบของความคิดและการเปลี่ยนเรื่องที่ทำจะช่วยให้ลดความล่าของสมองและร่างกาย
  • ทบทวนและวางแผนแต่ละวันก่อนนอน วิธีนี้จะช่วยให้สมองได้จัดระเบียบและพร้อมที่จะเริ่มทำงานใหม่ในวันรุ่งขึ้น
  • ทำให้ช่วงเวลาที่น่าเบื่อให้เป็นประโยชน์ เช่น ช่วงเวลาที่รถติด รอคิว หรือเดินทางไกล
  • อะไรไม่ควรอยู่ในห้องนอน เวลานอนควรเป็นเวลาที่พักผ่อนจริงๆ สมองจะใช้เวลานี้จัดระเบียบความทรงจำและความคิด
    ดังนั้นอะไรที่รบกวนเวลานอน เช่น โทรศัพท์ โทรทัศน์ ไม่ควรอยู่ในห้องนอน
  • เริ่มต้นวันใหม่ด้วยงานที่สำคัญที่สุด เพราะงานที่สำคัญจะให้ผลลัพธ์ที่มีค่ากับเรามากกว่า

เป็นอย่างไรบ้างกับเคล็ดลับเหล่านี้ที่เรานำมาแชร์ สิ่งสำคัญนอกเหนือจากเคล็ดลับเหล่านี้คือการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ

► โลกของคนตัวจิ๋ว

ฝีมือนักออกแบบคนไทย ! สร้างโลกของคนตัวจิ๋ว ด้วยจินตนาการสุดล้ำ
วันนี้จะพาเพื่อนๆ มาดูผลงานครีเอทีฟฝีมือคนไทยกันบ้าง ภาพผลงานของโลกคนตัวจิ๋ว เหล่านี้
เป็นฝีมือของนักออกแบบชาวไทยนามว่า คุณสุชาณัฐ ชิดไทย ในชื่อเฟสบุคแฟนเพจ peeowhyhymoaad
ซึ่งผลงานของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์อนิเมชั่นของญี่ปุ่นอย่างเรื่อง
Arrietty (อาริเอตี้ : ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับโลกมหัศจรรย์ของคนตัวจิ๋ว)

โดยผลงานครีเอทีฟสุดล้ำเหล่านี้ เกิดจากการนำสิ่งของเล็กๆ ที่หาได้ง่ายๆ จากรอบตัวของเขา
ไม่ว่าจะเป็นกระป๋อง ขวดน้ำ ถุงซอส อาหาร และอุปกรณ์อื่นๆ นำมาจัดองค์ประกอบ
และใส่จินตนาการเข้าไปเพื่อสร้างโลกสำหรับคนตัวจิ๋วขึ้นมา ซึ่งในแต่ละภาพนั้นสามารถ
สื่อถึงเรื่องราวและสถานการณ์ต่างๆ ของหุ่นคนตัวจิ๋วได้อย่างเก๋ไก๋และครีเอทีฟได้ใจ
เป็นการสร้างสิ่งเล็กๆ ให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งผลงานของเขายังได้รับความสนใจ
จากสื่อเว็บไซต์ในต่างประเทศอีกด้วย ลองมาชมภาพผลงานสุดฮิปนี้กันได้เลย

เครดิต : https://news.thaiware.com/7125.html
ที่มา : canyouactually.com

► ความลับที่ซ่อนอยู่ในภาพวาด “The Scream”

เมื่อเร็วๆนี้ ทาง the National Museum ที่ประเทศนอร์เวย์ ได้เปิดเผยว่า ในภาพวาด The Scream อันโด่งดังของศิลปินชาวนอร์เวย์ Edvard Munch นั้น มีข้อความลับซ่อนอยู่และเขียนโดยตัวศิลปินเอง!
.
ก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 1904 ได้มีผู้เชี่ยวชาญค้นพบข้อความลับว่า “Can only have been painted by a madman,” หรือแปลว่า “ภาพนี้ถูกวาดโดยคนบ้าเท่านั้น” อยู่ที่มุมซ้ายบนของภาพวาด แต่ในขณะนั้น ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นข้อความที่เขียนโดยตัวศิลปินเอง ทุกคนต่างคิดกันว่าเป็นข้อความที่เขียนโดยผู้อื่นในภายหลัง
.
โดยในภาพวาดในประวัติศาสตร์อื่นๆนั้น หากมีข้อความใดๆถูกเขียนลงไป มักจะเป็นข้อความที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพวาดนั้นๆ แต่ในภาพ The Scream นั้น กลับเหมือนเป็นข้อความวิจารณ์ว่าคนวาดนั้นสติไม่ดี ในทีแรกจึงไม่มีใครคิดว่าศิลปินเขียนเอง
.
โดยข้อความนี้ถูกตรวจสอบล่าสุดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะย้ายภาพวาดไปจัดแสดงที่ the National Museum of Norway ในเมือง Oslo ที่จะเปิดในปี 2022 โดยตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีอินฟาเรด หลังจากนั้นจึงนำข้อความนี้ไปเปรียบเทียบกับลายมือของ Munch ในสมุดจดและหลักฐานต่างๆของเขา ผลปรากฏว่า Munch เป็นคนเขียนเองจริง!
.
ภาพวาดนี้โด่งดังในแง่เป็นภาพวาดแนวแสดงพลังอารมณ์ หรือ Expressionism ซึ่งผลงานของ Munch มักจะสะท้อนถึงชีวิตที่เลวร้ายและวิตกกังวลของเขา โดยภาพนี้ถูกวาดด้วสีสันอันร้อนแรงฉูดฉาด บุคคลไร้เพศเอามือปิดหู ใบหน้าบิดเบี้ยวกลมกลืนไปกับท้องฟ้า แสดงถึงความบีบคั้นทางอารมณ์ที่คนดูสัมผัสได้
.
Munch นั้นมีประวัติอาการป่วยทางจิตใจและติดสุราหนัก แต่เขาก็ยังคงวาดภาพต่อไป จนเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงที่สุดในนอร์เวย์ เขาเป็นคนที่มีความซับซ้อนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเลือกเขียนข้อความเช่นนี้ลงไปบนภาพวาดของตนเอง
.
ใครสังเกตเห็นบ้างว่าภาพนี้ถูกนำไปล้อเลียนในหนัง การ์ตูน หรือผลงานใดบ้าง ลองเอามาแชร์กันได้!
source: https://bit.ly/3kedjvr , https://bit.ly/3sfFrRG , https://bit.ly/2ZFYaK8 , https://www.facebook.com/artofth

► Toyota bZ4X ต้นแบบเอสยูวีขุมพลังไฟฟ้า

Toyota bZ4X ต้นแบบเอสยูวีขุมพลังไฟฟ้าล้วนจากโตโยต้าเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา พร้อมแง้มแผนเตรียมวางจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบในการขับเคลื่อนให้ได้กว่า 70 รุ่นภายในปี 2025 นี้

แม้ว่ารถต้นแบบ Toyota bZ4X จะถูกเผยโฉมไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่การเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดตัวรถอย่างชัดเจนมากขึ้น พร้อมระบุอาศัยแพล็ตฟอร์ม e-TNGA ที่พัฒนาร่วมกับซูบารุ โดยรวมเอาจุดเด่นด้านระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของโตโยต้า และความเชี่ยวชาญด้านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของซูบารุเข้าไว้ด้วยกัน ออกแบบตัวถังให้มีโอเวอร์แฮงก์หน้า-หลังสั้นและฐานล้อที่มีความยาวมากเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวาง

ภายในห้องโดยสารของ Toyota bZ4X มีการออกแบบแผงคอนโซลและจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อลดการบดบังทัศนวิสัยลงให้ได้มากที่สุด โดยรายละเอียดที่ปรากฏในภาพก็แสดงให้เห็นว่าเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงก็จะไม่แตกต่างไปจากนี้มากนัก ไม่ว่าจะเป็นชุดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล หน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบลอยตัว รวมถึงแผงคอนโซลดีไซน์ล้ำสมัย

ทั้งนี้ โตโยต้ามีแผนทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้ชื่อ Toyota bZ ซึ่งย่อมาจาก “Beyond Zero” บ่งบอกถึงการมุ่งเป้าเพื่อปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์หรือมากกว่านั้น โดยปัจจุบันโตโยต้ามีแผนวางจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบในการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นไฮบริด (HEV), รถไฟฟ้า (BEV)
และฟิวเซล (FCEV) ให้ได้จำนวนกว่า 70 รุ่นภายในปี 2025 ที่จะถึงนี้ ซึ่งในจำนวนนั้นจะมีรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 15 รุ่น โดยที่ 7 รุ่นจะอยู่ในตระกูล bZ