วัน: 4 มิถุนายน 2021

► ฟ้าทะลายโจร

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata (Burm.f.) Nees (วงศ์ Acanthaceae)
ชื่ออื่น : ฟ้าทะลาย หญ้ากันงู น้ำลายพังพอน เมฆทะลาย ฟ้าสะท้าน

ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย “ฟ้าทะลายโจร” จัดเป็นสมุนไพรที่มีรสขม อยู่ในกลุ่มยาเย็น มีสรรพคุณทางการแพทย์แผนไทย ใช้บรรเทาอาการไข้หวัด แก้ไอและเจ็บคอ เป็นสมุนไพรที่ได้ถูกบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (บัญชียาจากสมุนไพร) กระทรวงสาธารณสุข ในรูปแบบยาเดี่ยว

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวสมุนไพรฟ้าทะลายโจรกันอย่างแพร่หลาย มีข้อมูลสนับสนุนจากงานวิจัยทางคลินิก พบว่า สมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีส่วนช่วยรักษาอาการของโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจ (acute respiratory tract infection) เช่น อาการไอ อาการเจ็บคอได้ดี ในปี พ.ศ.2555 ได้มีข้อมูลงานวิจัย จากผู้ป่วยจำนวน 807 คน พบว่าผลิตภัณฑ์สารสกัดจากฟ้าทะลายโจรร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ขนาดรับประทาน 31.5-200 มิลลิกรัม/วัน รับประทานเป็นเวลา 3-10 วัน มีผลช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการไอเนื่องจากไข้หวัด (common cold) และอาการอักเสบของระบบทางเดินหายใจส่วนบนได้

ในมุมมองการเกิดโรคหรืออาการตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยนั้น อาการไข้ ไอ เจ็บคอ เป็นอิทธิพลของธาตุไฟที่เพิ่มปริมาณสูงขึ้น ทำให้เกิดอาการดังกล่าว เราจึงสามารถใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็น (สมุนไพรฟ้าทะลายโจร) เพื่อใช้ในการรักษาอาการที่ส่งผลมาจากอิทธิพลของไฟที่เพิ่มขึ้นได้ พูดง่ายๆคือ ใช้ความเย็น ปรับหรือลดปริมาณความร้อนในร่างกายให้สมดุลนั่นเอง แต่หากใช้ในปริมาณเกินความจำเป็นก็อาจส่งผลทำให้ ร่างกายมีปริมาณความเย็นเกินไป ส่งผลทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ตามมาได้ เช่น อาการชาต่างร่างกาย แขน-ขาอ่อนแรง ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย หรือผื่นแพ้ตามร่างกาย เป็นต้น

คำแนะนำ
บรรเทาอาการเจ็บคอ
บรรเทาอาการของโรคหวัด (common cold) เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

ขนาดและวิธีใช้
รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม – 2 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน

ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ ในผู้ที่มีอาการแพ้ ฟ้าทะลายโจร
ห้ามใช้ ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากอาจทำให้เกิดทารกวิรูปได้

คำเตือน
หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้แขนขามีอาการชาหรืออ่อนแรง
หากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่หาย หรือ มีอาการรุนแรงขึ้นระหว่างใช้ ยา ควรหยุดใช้ และพบแพทย์
ควรระวังการใช้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulants) และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets)
ควรระวังการใช้ร่วมกับยาลดความดันเลือดเพราะอาจเสริมฤทธิ์กันได้
ควรระวังการใช้ร่วมกับยาที่กระบวนการเมแทบอลิซึม ผ่านเอนไซม์ Cytochrome P450 (CYP) เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ CYP1A2, CYP2C9 และCYP3A4

อาการไม่พึงประสงค์
อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น และอาจเกิดลมพิษได้

อ้างอิง
http://kpo.moph.go.th/webkpo/tool/Thaimed2555.pdf
https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/knowledge/files/0484.pdf

ที่มา
https://med.mahidol.ac.th/altern_med/th/km/19jun2020-1729

► โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (BELL’S PALSY)

อาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
การที่เปลือกตาและมุมปากตกลง รวมทั้งน้ำลายไหลออกจากมุมปาก และขยับยิ้มมุมปากด้านที่เกิดปัญหาไม่ได้ตามปกตินั้นเกิดจากภาวะที่เส้นประสาทควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหน้ามีการอักเสบหยุดการทำงาน ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงด้านเดียวกัน หรือจะระบุว่าเกิดจากการที่เส้นประสาทที่ 7 ก็ได้ โดยโรคนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า BELL’S PALSY (เบลล์พัลซี่)

อาการแสดง

  • อาจเกิดอาการนำคือ ปวดที่บริเวณด้านหน้าหรือหลังหู 1-2 วัน
  • กล้ามเนื้อแสดงสีหน้าเป็นอัมพาตครึ่งซีก โดยปิดตาและ ยักคิ้วข้างนั้นได้ลดลง หรือเวลาหลับตาแล้วปิดตาไม่สนิทส่งผลให้เกิดสภาพตาแห้ง
  • รู้สึกตึงหรือหนักที่ใบหน้าซีกนั้น
  • เสียงก้องที่หูข้างเดียวกัน หูอื้อ
  • บางครั้งอาจมีอาการชาลิ้น

สาเหตุของอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
เส้นประสาทที่ 7 เกิดการอักเสบนั้นมีหลักฐานพบว่ามักเป็นจากเชื้อเริมที่มีชื่อเรียกว่า เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ไวรัส (Herpes simplex virus : HSV) มีอาการร้อนในโดยเกิดแผลร้อนในที่ปากและอวัยวะเพศ ส่วนสาเหตุจากเชื้ออื่นๆ ยังมีงูสวัด หรือ เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ไวรัส (Herpes zoster virus) ไซโตเมกะโลไวรัส (cytomegalovirus),และเอ็บสไตบาร์ไวรัส (Epstein Barr virus) ซึ่งเมื่อเกิดการอักเสบแล้วจะทำให้เส้นประสาทบวม มีผลทำให้เส้นเลือดขนาดเล็กส่งเลือดไปเลี้ยงเส้นประสาทไม่ได้ จึงรบกวนการทำงานของเส้นประสาทจนไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าให้ทำงานได้ที่กล้ามเนื้อสำหรับใช้ปิดตาและยิ้ม

การวินิจฉัยอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก
ผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจร่างกายเป็นหลัก โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ในรายที่มีอาการนี้มานานเกิน 2 เดือน แล้วยังไม่ดีขึ้นอาจต้องใช้วิธีเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็ก (MRI SCAN) เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเนื้องอกเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามโรคเส้นประสาทที่ 7 อักเสบ หรือ BELL’S PALSY ส่วนใหญ่หายได้หมด กลับมาปกติ น้อยมากที่จะไม่หายสนิทหรือไม่หายและมีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นซ้ำส่วนใหญ่หายได้สนิทใน 2 เดือน

การรักษาอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

  • ยาแก้อักเสบกลุ่มสเตียรอยด์ เพื่อการอักเสบบวมของเส้นประสาท
  • ยาฆ่าเชื้อไวรัส ในกรณีพบอาการแสดงของการติดเชื้อไวรัสงูสวัดร่วมด้วย
  • กายภาพบำบัด เช่น การกระตุ้นเส้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้า หรือ การนวดใบหน้า ซึ่งจะช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อตึงเกร็งได้
  • การรักษาตามอาการอื่นๆ ได้แก่ การหยอดน้ำตาเทียมและป้ายตาด้วยขี้ผึ้งยาเพื่อป้องกันกระจกตาเป็นแผลหรือการให้วิตามินบำรุงสายตา

การปฏิบัติตัวหลังมีอาการหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • งดดื่มสุรา
  • เนื่องจากตาจะปิดไม่สนิท จึงควรสวมแว่นกันลมหรือปิดตาป้องกันกระจกตาแห้งและเป็นแผล
  • บริหารกล้ามเนื้อใบหน้าด้วยตนเองได้โดย

ที่มา
http://www.errama.com/system/spaw2/uploads/files/case%20repo..Bell.pdf
https://www.ram-hosp.co.th
https://petcharavejhospital.com
https://www.me2care.com/bell-palsy

► 9 วิธีจัดการเวลา ให้คุณจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในวันหนึ่งๆ เรามีเวลาเท่าๆ กัน แต่เคยสังเกตหรือเปล่าว่าทำไมบ้างคนทำอะไรได้มาก ในขณะที่บ้างคนทำอะไรได้น้อย เคล็ดลับของความสำเร็จอยู่ที่การจัดการเวลาของแต่ละคนมีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน เรามาลองดูว่าเคล็ดลับที่สรุปมานั้นมีอะไรบ้าง

  • จัดระเบียบงานที่ต้องทำ เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง กำหนดเวลางานที่ต้องทำและเสร็จ
  • ตื่นนอนในเวลาเดิมทุกวัน วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายของเราจดจำและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น
  • อย่าทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกัน การทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
    เราควรทำงานให้เสร็จเป็นเรื่องๆ ไป โดยเรียงความสำคัญ
  • บันทึกหรือจดจำว่าแต่ละงานที่ทำใช้เวลาไปเท่าไหร่ เพื่อช่วยให้เราสามารถประเมินและวางแผนการทำงานได้
  • กำหนดว่าในแต่ละวันหรือช่วงเวลาไหนจะทำเรื่องอะไร เพื่อจัดระบบของความคิดและการเปลี่ยนเรื่องที่ทำจะช่วยให้ลดความล่าของสมองและร่างกาย
  • ทบทวนและวางแผนแต่ละวันก่อนนอน วิธีนี้จะช่วยให้สมองได้จัดระเบียบและพร้อมที่จะเริ่มทำงานใหม่ในวันรุ่งขึ้น
  • ทำให้ช่วงเวลาที่น่าเบื่อให้เป็นประโยชน์ เช่น ช่วงเวลาที่รถติด รอคิว หรือเดินทางไกล
  • อะไรไม่ควรอยู่ในห้องนอน เวลานอนควรเป็นเวลาที่พักผ่อนจริงๆ สมองจะใช้เวลานี้จัดระเบียบความทรงจำและความคิด
    ดังนั้นอะไรที่รบกวนเวลานอน เช่น โทรศัพท์ โทรทัศน์ ไม่ควรอยู่ในห้องนอน
  • เริ่มต้นวันใหม่ด้วยงานที่สำคัญที่สุด เพราะงานที่สำคัญจะให้ผลลัพธ์ที่มีค่ากับเรามากกว่า

เป็นอย่างไรบ้างกับเคล็ดลับเหล่านี้ที่เรานำมาแชร์ สิ่งสำคัญนอกเหนือจากเคล็ดลับเหล่านี้คือการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ

► โลกของคนตัวจิ๋ว

ฝีมือนักออกแบบคนไทย ! สร้างโลกของคนตัวจิ๋ว ด้วยจินตนาการสุดล้ำ
วันนี้จะพาเพื่อนๆ มาดูผลงานครีเอทีฟฝีมือคนไทยกันบ้าง ภาพผลงานของโลกคนตัวจิ๋ว เหล่านี้
เป็นฝีมือของนักออกแบบชาวไทยนามว่า คุณสุชาณัฐ ชิดไทย ในชื่อเฟสบุคแฟนเพจ peeowhyhymoaad
ซึ่งผลงานของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์อนิเมชั่นของญี่ปุ่นอย่างเรื่อง
Arrietty (อาริเอตี้ : ที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับโลกมหัศจรรย์ของคนตัวจิ๋ว)

โดยผลงานครีเอทีฟสุดล้ำเหล่านี้ เกิดจากการนำสิ่งของเล็กๆ ที่หาได้ง่ายๆ จากรอบตัวของเขา
ไม่ว่าจะเป็นกระป๋อง ขวดน้ำ ถุงซอส อาหาร และอุปกรณ์อื่นๆ นำมาจัดองค์ประกอบ
และใส่จินตนาการเข้าไปเพื่อสร้างโลกสำหรับคนตัวจิ๋วขึ้นมา ซึ่งในแต่ละภาพนั้นสามารถ
สื่อถึงเรื่องราวและสถานการณ์ต่างๆ ของหุ่นคนตัวจิ๋วได้อย่างเก๋ไก๋และครีเอทีฟได้ใจ
เป็นการสร้างสิ่งเล็กๆ ให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งผลงานของเขายังได้รับความสนใจ
จากสื่อเว็บไซต์ในต่างประเทศอีกด้วย ลองมาชมภาพผลงานสุดฮิปนี้กันได้เลย

เครดิต : https://news.thaiware.com/7125.html
ที่มา : canyouactually.com

► ความลับที่ซ่อนอยู่ในภาพวาด “The Scream”

เมื่อเร็วๆนี้ ทาง the National Museum ที่ประเทศนอร์เวย์ ได้เปิดเผยว่า ในภาพวาด The Scream อันโด่งดังของศิลปินชาวนอร์เวย์ Edvard Munch นั้น มีข้อความลับซ่อนอยู่และเขียนโดยตัวศิลปินเอง!
.
ก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 1904 ได้มีผู้เชี่ยวชาญค้นพบข้อความลับว่า “Can only have been painted by a madman,” หรือแปลว่า “ภาพนี้ถูกวาดโดยคนบ้าเท่านั้น” อยู่ที่มุมซ้ายบนของภาพวาด แต่ในขณะนั้น ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นข้อความที่เขียนโดยตัวศิลปินเอง ทุกคนต่างคิดกันว่าเป็นข้อความที่เขียนโดยผู้อื่นในภายหลัง
.
โดยในภาพวาดในประวัติศาสตร์อื่นๆนั้น หากมีข้อความใดๆถูกเขียนลงไป มักจะเป็นข้อความที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพวาดนั้นๆ แต่ในภาพ The Scream นั้น กลับเหมือนเป็นข้อความวิจารณ์ว่าคนวาดนั้นสติไม่ดี ในทีแรกจึงไม่มีใครคิดว่าศิลปินเขียนเอง
.
โดยข้อความนี้ถูกตรวจสอบล่าสุดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะย้ายภาพวาดไปจัดแสดงที่ the National Museum of Norway ในเมือง Oslo ที่จะเปิดในปี 2022 โดยตรวจสอบด้วยเทคโนโลยีอินฟาเรด หลังจากนั้นจึงนำข้อความนี้ไปเปรียบเทียบกับลายมือของ Munch ในสมุดจดและหลักฐานต่างๆของเขา ผลปรากฏว่า Munch เป็นคนเขียนเองจริง!
.
ภาพวาดนี้โด่งดังในแง่เป็นภาพวาดแนวแสดงพลังอารมณ์ หรือ Expressionism ซึ่งผลงานของ Munch มักจะสะท้อนถึงชีวิตที่เลวร้ายและวิตกกังวลของเขา โดยภาพนี้ถูกวาดด้วสีสันอันร้อนแรงฉูดฉาด บุคคลไร้เพศเอามือปิดหู ใบหน้าบิดเบี้ยวกลมกลืนไปกับท้องฟ้า แสดงถึงความบีบคั้นทางอารมณ์ที่คนดูสัมผัสได้
.
Munch นั้นมีประวัติอาการป่วยทางจิตใจและติดสุราหนัก แต่เขาก็ยังคงวาดภาพต่อไป จนเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงที่สุดในนอร์เวย์ เขาเป็นคนที่มีความซับซ้อนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะเลือกเขียนข้อความเช่นนี้ลงไปบนภาพวาดของตนเอง
.
ใครสังเกตเห็นบ้างว่าภาพนี้ถูกนำไปล้อเลียนในหนัง การ์ตูน หรือผลงานใดบ้าง ลองเอามาแชร์กันได้!
source: https://bit.ly/3kedjvr , https://bit.ly/3sfFrRG , https://bit.ly/2ZFYaK8 , https://www.facebook.com/artofth

► Toyota bZ4X ต้นแบบเอสยูวีขุมพลังไฟฟ้า

Toyota bZ4X ต้นแบบเอสยูวีขุมพลังไฟฟ้าล้วนจากโตโยต้าเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา พร้อมแง้มแผนเตรียมวางจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบในการขับเคลื่อนให้ได้กว่า 70 รุ่นภายในปี 2025 นี้

แม้ว่ารถต้นแบบ Toyota bZ4X จะถูกเผยโฉมไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่การเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดตัวรถอย่างชัดเจนมากขึ้น พร้อมระบุอาศัยแพล็ตฟอร์ม e-TNGA ที่พัฒนาร่วมกับซูบารุ โดยรวมเอาจุดเด่นด้านระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าของโตโยต้า และความเชี่ยวชาญด้านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของซูบารุเข้าไว้ด้วยกัน ออกแบบตัวถังให้มีโอเวอร์แฮงก์หน้า-หลังสั้นและฐานล้อที่มีความยาวมากเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขวาง

ภายในห้องโดยสารของ Toyota bZ4X มีการออกแบบแผงคอนโซลและจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อลดการบดบังทัศนวิสัยลงให้ได้มากที่สุด โดยรายละเอียดที่ปรากฏในภาพก็แสดงให้เห็นว่าเวอร์ชั่นจำหน่ายจริงก็จะไม่แตกต่างไปจากนี้มากนัก ไม่ว่าจะเป็นชุดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล หน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบลอยตัว รวมถึงแผงคอนโซลดีไซน์ล้ำสมัย

ทั้งนี้ โตโยต้ามีแผนทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายใต้ชื่อ Toyota bZ ซึ่งย่อมาจาก “Beyond Zero” บ่งบอกถึงการมุ่งเป้าเพื่อปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์หรือมากกว่านั้น โดยปัจจุบันโตโยต้ามีแผนวางจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบในการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นไฮบริด (HEV), รถไฟฟ้า (BEV)
และฟิวเซล (FCEV) ให้ได้จำนวนกว่า 70 รุ่นภายในปี 2025 ที่จะถึงนี้ ซึ่งในจำนวนนั้นจะมีรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 15 รุ่น โดยที่ 7 รุ่นจะอยู่ในตระกูล bZ